คืนนี้เมื่อ 15 ปีที่แล้ว กำลังนอนหลับเอาแรงเพื่อเตรียมตัวเข้าพิธีมงคลสมรสในวันพรุ่งนี้
15 ปีผ่านมา น้ำตามันก็ไหล.....
มันก็ไม่ได้ขนาดนั้น ปีนี้ว่าจะเขียนแบบไม่มี key message เขียนไปเรื่อยๆ แล้วลองดูซิว่าบรรทัดสุดท้าย...จะสรุปรวบความคิดในวันสุดท้ายของปีที่ 15 นี้ยังไง
เรารู้จักกันมาตั้งแต่เป็นติ่งผมสั้น ผูกคอซอง ตั้งแต่อายุ 15 กับ 18 ตอนนั้นเป็นแฟนจับมือก็ไฟช็อตแล้ว แอบโทรศัพท์คุยกัน แอบโดดกีฬาสีไปดูหนังกันเรื่องแรก ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ ก๊าวใจมาก แขนเบียดกันในโรงหนังก็แอบกรี๊ดในใจ
...มันตื่นเต้น แต่ไม่มั่นคง....
....มันเร้าใจ แต่ไม่อบอุ่น....
พอคบกันตอนโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว มีอิสระมากขึ้น ออกไปตะลอนๆ ปาร์ตี้กันหัวราน้ำกันทั้งคู่
...มันสนุก แต่ไม่สงบ....
พอแต่งงานกันแล้วปีแรกๆ เต็มไปด้วยการปรับตัว นี่ขนาดรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยขาสั้นคอซอง ยังเกือบไม่รอด ก่อนนอนก็เจอ ตื่นมาก็เจอ เรียนรู้กันจนไม่ต้องพูดอะไรกันก็เข้าใจ จนเริ่มไม่ค่อยได้พูดกัน
...ผูกพัน แต่ไม่ใส่ใจ.....
สองสามปีที่แล้วเป็นช่วงเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลง มรสุมมากกว่ามหรสพ เรือน้อยๆของเราเจอคลื่นลูกแล้วลูกเล่า ต้องอยู่ห่างกัน ภาระหน้าที่รับผิดชอบมากมาย แต่ภายใต้ภาวะกดดันมากมายมันกลับทำให้โลกของเราสองคนมั่นคง อบอุ่น และสบาย มันเป็นความสบายเหมือนนั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ แล้วมีลมพัดผ่านเบาๆ
...มันสุขสบายจนลืมว่าความรักมันหน้าตายังไง.....
เขียนมาถึงตรงนี้ วันสุดท้ายของปีที่ 15 อีกสองชั่วโมงจะเริ่มปีที่ 16 อยู่ๆ ก็จำได้ขึ้นมาว่ารักมันเป็นยังไง มันแทบจะหน้าตาเหมือนตอนที่เจอกันหน้าโรงอาหารวันนั้น แทบจะเหมือนกับตอนที่ได้ช่อกุหลาบกับตุ๊กตาหมีที่วินรถสองแถววันนั้น แทบจะเหมือนกับตอนที่วิ่งแข่ง 400 เมตรแล้วตะคริวขึ้นวันนั้น แทบจะเหมือนตอนไปนั่งจิบไวน์ฉลองแต่งงานปีแรกที่แฮมมิ่งเวย์ แทบจะเหมือนตอนที่นั่งดูพระอาทิตย์ตกที่เกาะลันตา แทบจะเหมือนตอนที่คุยโทรศัพท์กันเมื่อบ่ายวันนี้
เราคงรักกันมาตลอดรึเปล่านะ แต่ความรู้สึกมันเหมือนกัน มันไม่เปลี่ยนเลย ตั้งแต่วันที่หน้าโรงอาหารวันนั้นจนวันนี้
เราจะรักกันตลอดไปหรือเปล่าไม่รู้ แต่ว่าดีใจนะที่เรารักกันมาตลอด และขอบคุณเสมอที่เป็นคนที่มาให้รัก
ฉัตรเคยถามว่าเราจะอยู่กันจนจับมือเหี่ยวๆ ของกันและกันหรือเปล่า ไม่ต้องห่วงที่รัก ตอนนี้มือฝนได้เหี่ยวไปเรียบร้อยแล้วจ้ะ
....รักเสมอมา....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น